วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี
1. กินอาหารเช้า
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย

***วิธีการดูแลผิวหน้าสาวผิวมัน ให้ใสกิ๊ง***

วิธีการดูแลผิวหน้าสาวผิวมัน ให้ใสกิ๊ง

เป็นความเข้าใจผิดถ้าคิดว่าต้องล้างหน้ากันบ่อยๆเพราะการล้างหน้ายิ่งบ่อยก็จะไปกระตุ้มการทำงานของต่อมไขมันมากขึ้น หมอผิวหนังส่วนใหญ่จะแนะนำให้ล้างหน้าวันละแค่ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว และเลือกใช้ผลิตภัณท์ที่มีสาร MAP ที่ช่วยลดความมัน ส่วนเกินแต่ไม่ทำลายน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติแต่ถ้าอยากจะประหยัดสตางค์ ลองสูตรนี้กันดูค่ะนำเปลือกแตงโม มาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆนำไปปั่น กรองเอาแต่น้ำ นำมาล้างหน้า ทิ้งไว้สัก15 นาที จึงค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่า จะช่วยลดความมัน บนใบหน้าได้อย่างดีทีเดียว หรือจะใช้สัปปะรดก็ได้นำเนื้อสัปปะรดเปรี้ยวๆสัก 1 เสี้ยว มาสับให้ละเอียด ถ้าคิดจะทุ่นแรงด้วยเครื่องปั่นก็ไม่ต้องปั่นให้ละเอียดนัก นำมาพอกหน้าแล้วทิ้งไว้สัก 10 นาที ช่วยลดควมมันของใบหน้าได้แล้วยัง ช่วยให้ผิวดูสดใสอีกด้วย หรือถ้าจะให้ง่ายกว่านี้ โยเกิร์ตที่คุณทานเหลือติดก้นถ้วย นำมาทำมาส์คพอกหน้าสำหรับสาวผิวมันได้อย่างดีเยี่ยม

บำรุงผิวหน้า

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเค้าพอกหน้ากันทำไมนะคะ จุดประสงค์ของการพอกหน้าก็เพื่อที่จะดึงเอาสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน และยังกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนที่ผิวหน้าได้มากขึ้น เมื่อเราล้างหน้าออกแล้วจะรู้สึกได้เลยว่าผิวหน้าเกลี้ยงเกลาและเต่งตึงสดชื่นคะ ที่นี้ก็มาถึงวิธีกันล่ะค่ะ มาดูกันค่ะว่าเรามีวิธีอะไรกันบ้าง
1. มะละกอสุก จัดเป็นผลไม้ชั้นดีเยี่ยมสำหรับร่างกายเลยค่ะ ราคาถูกแถมยังหาได้ง่าย ในบ้านเรานี้มีให้กินกันทุกฤดูเลยมะละกอมีคุณประโยชน์ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างดี ท้องไม่ผูก และยังให้พลังงานต่ำด้วยเป็นแหล่งที่ให้วิตามินสูงด้วยนะคะนอกจากเราจะเอามะละกอมารับประทานแล้ว เปลือกที่เหลือเราก็สามารถเอามาพอกหน้าได้อีกด้วย วิธีการก็คือปอกเอาเปลือกด้านในของมะละกอ โดยให้มีเนื้อในติดอยู่ด้วยเล็กน้อยมาถูที่หน้าเบาๆทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จนเพื่อนรู้สึกว่าผิวหน้าตึง แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรือถ้าจะให้ดีมากกว่านั้น ควรพรมน้ำเย็นลงบนหน้าอีกนิดก็เป็นอันเสร็จพิธี แค่นี้หน้าก็ใสสดชื่นค่ะ
2.แอปเปิ้ลและน้ำผึ้ง แอปเปิ้ลที่เราจะเอามาใช้จะต้องแก่สักหน่อยนะคะเพราะเราต้องเอาแอปเปิ้ลไปหั่นเป็นชึ้นเล็กๆ แล้วจึงเอาไปปั่นลงเครื่องปั่น ค่อยๆเติมน้ำและน้ำผึ้งลงไปประมาณ 1 ช้อนชา ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ปริมาณน้ำผึ้งนั้นเราอาจจะเพิ่มเอาหรือลดเอาเองก็ได้ค่ะตามแต่สภาพผิวของเพื่อนแต่ละคะ ถ้าเพื่อนคนไหนมีผิวที่แห้งก็เพิ่มปริมาณน้ำผึ้งเข้าไป หรือถ้าเป็นคนผิวมันก็อาจจะลดลงได้ค่ะ จากนั้นก็เอาที่ปั่นรวมกันทั้งหมดนั้นมาพอกบริเวณผิวหน้าที่ทำความสะอาดแล้ว นอนพักสัก 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นหรือน้ำนมสดก็ได้แล้วแต่สะดวก แล้วจึงตามด้วยน้ำธรรมดาอีกที วิธีนี้ก็ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ
3.แตงกวา นมผง ไข่ขาว ของ3สิ่งนี้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันค่ะ ในแตงกวาจะมีซัลเฟอร์ และซิลิกอนมาก จะทำงานได้ดีร่วมกับแคลเซียมในนมผง ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ใบหน้าสดใส เมื่อรวมกับคุณสมบัติของไข่ขาวที่สามารถทำให้ผิวตึง ก็จะเป็นสูตรสำเร็จความงามที่มีวิธีการง่ายๆเพียงแค่ สับแตงกวาเป็นชิ้นเล็กๆประมาณ 1/2 ถ้วย ใส่ลงในเครื่องปั่นพร้อมกับนมผง 2 ช้อนชา และไข่ขาว 1 ฟอง ตีให้เข้ากันจนคล้ายเป็นแป้งเปียก เมื่อเพื่อนๆ ได้อย่างนี้แล้วนะคะก็นำมาทาหน้าโดยทาหมุนเป็นวงกลมจากส่วนล่างของใบหน้าขึ้นไปข้างบนให้ทั่วใบหน้าวนไปวนมา ปล่อยให้แห้งอย่างน้อย 30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วพรมน้ำเย็นตามเพื่อกระชับรูขุมขนของให้หน้านะคะ แล้วจึงค่อยซับด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆจนแห้ง วิธีนี้แม้จะใช้เวลานานสักหน่อยแต่ก็ได้ผลเกินคุ้มเลยนะคะ

4. เนื้อในของส้ม(กากส้ม) สำหรับเพื่อนคนไหนที่ชอบรับประทานน้ำส้มอยู่เป็นประจำนะคะ คราวนี้ก็คงไม่ทิ้งกากส้มให้เปล่าประโยชน์แล้วล่ะค่ะเพราะจริงๆ แล้ว กากส้มนี้ก็สามารถใช้มาพอกหน้าได้ด้วยเหมือนกันค่ะ ในส้ม 1 ลูกนั้น กากส้มเป็นส่วนที่ดีมีประโยชน์มากที่สุด วิธีการก็คือทำความสะอาดผิวหน้าของเราก่อน (จะเลยไปถึงช่วงลำคอก็ไม่ว่ากันค่ะ) แล้วก็ให้นำกากส้มมาพอกบนใบหน้าเลยเพื่อนก็สามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นรอได้เลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือหรือว่าจะดูโทรทัศน์ก็ได้ ซัก15 นาที จากนั้นจึงนำผ้าเปียกมาเช็ดออกอย่างเบามือที่สุด วิธีนี้ไม่ต้องล้างออกด้วยน้ำอีกนะคะ หน้าของเพื่อนๆ ก็จะสดใสไปนานเลยค่ะ

5. น้ำผึ้งกับไข่ขาว วิธีเหมาะอย่างยิ่งกับเพื่อนที่มีผิวที่มัน สามารถเอาส่วนผสมมาผสมกันเองได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องปั่นค่ะ เพียงแค่เอาน้ำผึ้งอุ่นๆมาผสมกับไข่ขาว วิธีนี้ไม่ได้กำหนดปริมาณไว้เพื่อนๆก็ใส่ส่วนผสมได้เองตามใจชอบเลยนะคะซึ่งก็ ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆ จะชอบความเข้มข้นขนาดไหนและปริมาณความต้องการใช้มากน้อยเพียงไร พอคนจนเข้ากันดีแล้วก็เอามาพอกหน้า ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 10 นาที ใช้น้ำอุ่นล้างออก อ้อ วิธีนี้ยังมีประโยชน์สำหรับเพื่อนที่กำลังเป็นสิวด้วยค่ะ
6. น้ำนม ไข่ขาว น้ำผึ้ง วิธีนี้จะคล้ายกับวิธีที่ 5 เพียงแต่ให้เพื่อนๆเพิ่มน้ำนมเข้าไปช่วยบำรุงอีกอย่าง เพราะอย่างที่บอกไปแล้วนะคะว่า น้ำนมมีแคลเซียมมาก ปริมาณส่วนที่ผสมใช้ดังนี้ค่ะ ไข่ 1 ฟอง(เอาแต่ไข่ขาวนะคะ) นมสด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา นำทุกอย่างมาผสมจนเข้ากันดี แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-30 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่นก็เท่านั้นเองค่ะ
7.โยเกิร์ตกลิ่นธรรมชาติ ก็ใช้โยเกิร์ตธรรมดาที่วางขายอยู่ทั่วไป แต่เน้นว่าต้องเป็นกลิ่นธรรมชาติเท่านั้นนะคะ นำมาทาให้ทั่วใบหน้าที่ทำความสะอาดเอาไว้แล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ใช้กระดาษทิชชูหรือสำลีเช็ดออกเบาๆ จึงค่อยไปล้างหน้าอีกที วิธีนี้ค่อนข้างง่าย เพราะวัตถุดิบก็มีสำเร็จรูปอยู่แล้วเหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่มีเวลาน้อยเลยค่ะ มาถึงตอนนี้เพื่อนๆ หลายคนคงสงสัยกันว่า แล้วขั้นตอนการพอกหน้าล่ะเขาทำกันอย่างไร ไม่ต้องกลัวค่ะ oattyjen ก็เลยเตรียมขั้นตอนการพอกน้ามาฝากอีกด้วยสำหรับเพื่อนๆ ที่เริ่มพอกหน้าใหม่โดยเฉพาะเลยค่ะ1. เก็บผมให้เรียบร้อยซะก่อนเลยนะคะ จะรวบเอาไว้หรือจะเอาหมวกอาบน้ำคลุมไว้ก็ได้คะ2. ล้างหน้าให้สะอาด ถ้าใช้ครีมล้างหน้าควรล้างด้วยการลูบจากแนวกึ่งกลางใบหน้า เฉียงออกขึ้นไปด้านข้างลูบจากด้านล่างขึ้นไปด้านบน ยกเว้นบริเวณจมูกเท่านั้นค่ะที่ต้องลูบลง3. ทาครีมรักษาความชุ่มชื้นบางๆ เกลี่ยให้ทั่วใบหน้า4.ล้างออกด้วยน้ำอุ่น5. ลงมือเอาสิ่งที่เพื่อนๆ เตรียมไว้สำหรับพอกหน้ามาพอกให้ทั่วทั้งบริเวณใบหน้าและลำคอ ยกเว้นรอบดวงตาและปากค่ะ6. ปิดตาทั้งสองข้างด้วยสำลีชุบน้ำนม หรือเฟรชชั่นเนอร์ ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หรือตามแต่ แต่ละสูตรค่ะ7. ล้างสิ่งสกปรกที่เราพอกเอาไว้ด้วยน้ำสะอาด ซับด้วยผ้าแห้งนุ่มที่สะอาด ทาครีมรักษาความชุ่มชื้นอีกครั้ง เพียงเท่านี้เพื่อนๆ ก็สามารถอวดใบหน้าสวยๆ ได้ไม่อายใครเลยค่ะ การพอกหน้าควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละวันใบหน้าของเราต้องออกไปเผชิญกับสายลมและแสงแดดขนาดไหน การพอกหน้านอกจากจะบำรุงผิวหน้าให้สดใสเปล่งปลั่งแล้วยังช่วยลดสิวด้วยค่ะ เพราะมันจะช่วยดูดสิ่งสกปรกและไขมันที่อุดตันออกไป เห็นไหมค่ะว่าการพอกหน้านั้นมีประโยชน์แค่ไหน เห็นทีคราวนี้ใครที่ยังขี้เกียวจอยู่ล่ะก็ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อผิวหน้าเราบ้างแล้วล่ะค่ะ ก็แหมวิธีการนั้นง่ายนิดเดียวเอง โชคดีนะคะทุกคน

การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง

การที่คนไทยเรา พูด อ่าน และเขียนภาษาไทยเป็นประจำทุกวัน จนเกิดความเคยชิน อาจจะทำให้หลายๆ คนไม่รู้สึกว่า “ภาษาไทย” มีความสำคัญแค่ไหน และมีคุณค่าเพียงไร หากจะเปรียบก็คงเหมือนกับ “อากาศ” ที่เราหายใจเข้าหายใจออกอยู่ตลอดเวลา จนเราแทบไม่รู้ค่าว่า หากขาดอากาศเมื่อไร เราก็ตายเมื่อนั้น ถึงแม้ว่า “ภาษาไทย” จะไม่เหมือนอากาศที่ทำให้เราถึงกับตาย แต่ถ้าหากชาติไทยเราขาด “ภาษาไทย” เมื่อไร นั่นก็หมายความว่า “ความเป็นชาติ” ส่วนหนึ่งก็สูญสิ้นไปด้วย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้มีพระราชนิพนธ์ตอนหนึ่งว่า “ภาษาเป็นเครื่องผูกพันมนุษย์ต่อมนุษย์ แน่นแฟ้นยิ่งกว่าสิ่งอื่น และไม่มีสิ่งไร ที่จะทำให้คนรู้สึกเป็นพวกเดียวกันแน่นอน ยิ่งไปกว่าพูดภาษาเดียวกัน” คนไทยเราแม้จะต่างเผ่าพันธุ์ ต่างเชื้อชาติ ต่างท้องถิ่น หรือต่างศาสนา แต่เมื่อใดก็ตามที่เราต่างพูด “ภาษาไทย” ทุกคนย่อมรู้สึกได้ทันที ถึงความเป็นพวกเดียวกัน ความเป็นชาติเดียวกัน ดังนั้น “ภาษา” จึงเป็นสิ่งที่จะร้อยรัด และผูกพันคนในชาติ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ยิ่งหากอาศัยอยู่ในต่างประเทศ หรือแม้แต่ไปเที่ยว ถ้าได้ยินใครก็ตามพูด “ภาษาไทย” ขึ้นมา เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ จะเกิดความรู้สึกยินดีว่า เจอพวกเดียวกันแล้ว เจอคนไทยด้วยกันแล้ว
การที่ “ภาษา” เป็นสิ่งสำคัญก็เพราะว่า ภาษาเป็นสื่อเสียง และสื่อสัญลักษณ์ของมนุษยชาติ ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ และสั่งสมของบรรพบุรุษสืบทอดมาสู่ลูกหลาน เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนในชาตินั้นๆ ติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันได้ และเป็นเหตุให้วัฒนธรรมในด้านอื่นๆ เจริญขึ้นด้วย หากไม่มี “ภาษา” มนุษย์ก็คงไม่สามารถ สืบทอดวิชาการความรู้จากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง และไม่อาจพัฒนาหรือรักษา “ความเป็นชาติ” ของตนไว้ได้ “ภาษา” จึงเป็นสมบัติทางวัฒนธรรม ที่ทรงคุณค่ายิ่งของแต่ละชาติ

เคล็ดลับ การรักษาความสะอาด และความชุ่มชื้น ของ ผิว

ลักษณะ ของผิวโดยทั่ว ๆ ไปแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ผิวธรรมดา ผิวแห้ง และผิวมัน นอกจากนี้ ยังมีประเภทของผิวผสม ที่แตกต่างกันอีก ซึ่งแม้ว่าผิวแต่ละประเภทนี้ ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่ผิวทุกประเภท ต้องการเหมือนกัน คือการรักษาความสะอาด และการให้ความชุ่มชื้น ซึ่งมีวิธีปฏิบัติในขั้นพื้นฐานดังต่อไปนี้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นกำลังดี อย่าให้ร้อนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้ง และเกิดการระคายเคืองได้ ซึ่งโดยปกติแล้วควรล้างหน้า 2 เวลา เช้ากับเย็น แต่อาจจะเพิ่มอีกสักครั้ง ในวันที่มีเหงื่อออก หรือมีน้ำมันบนใบหน้ามากเกินไปผิวธรรมดา เป็นผิวที่มีความสมดุล โดยธรรมชาติไม่แห้งหรือมันจนเกินไป แต่เมื่ออายุคุณเริ่มมากขึ้น ผิวจะเริ่มแห้งมากกว่าที่เคยเป็น การล้างหน้า จึงควรใช้ครีมล้างหน้าชนิดอ่อน ๆ ที่มีส่วนผสมของคอนดิชั่นเนอร์อยู่ในตัว จึงจะไม่ทำให้ผิวแห้งและไม่ระคายเคืองได้ง่ายสำหรับผิวมันนั้น ต่อมผลิตน้ำมันจะขยันทำงานมากเป็นพิเศษ ทำให้มีน้ำมันตามธรรมชาติ ออกมามากกว่าที่ควร และมักจะมีรูขุมขน ที่กว้างกว่าผิวชนิดอื่น จึงจำเป็นที่จะต้องล้างหน้ามากกว่าวันละ 2 ครั้ง ส่วนม้อยซ์เจอไรเซอร์ที่ใช้ ก็ควรจะเป็นชนิดที่ไม่มีน้ำมันผสม เพราะจะช่วยให้ความชุ่มชื้น กับผิวโดยไม่ไปทำให้รูขุมขนอุดตันผิวแห้ง มีสาเหตุมาจาก ความเกียจคร้าน ของต่อมผลิตน้ำมันพอ ๆ กับมลพิษรอบ ๆ ตัวคุณ โดยเฉพาะเมื่อต้องสัมผัส กับอากาศที่แห้ง เย็น เป็นเวลานาน ๆ และผิวประเภทนี้จึงมักจะไวต่อสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบได้ง่าย ดังนั้น จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อน ๆ สำหรับทำความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำไม่ว่าคุณจะมีผิวแบบไหน ม้อยซ์เจอไรเซอร์ ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่นั่นเองค่ะ เพราะมันจะช่วยทดแทน น้ำมันตามธรรมชาติ ที่ผิวต้องสูญเสียไป ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตามการปกป้องผิวจากแสงแดดการปกป้องผิวจากรังสีอุลตร้าไวโอเลต ในแสงแดด เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในการป้องกัน การเกิดริ้วรอย เหี่ยวย่นก่อนวัย และการป้องกันที่ดีที่สุด คือการใช้ครีมกันแดด ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นเครื่องสำอาง ที่มีครีมกันแดดผสมอยู่ในตัว เช่น ในครีมรองพื้น ลิป บาล์ม และม้อยเจอร์ไรเซอร์ แล้วคุณยังควรใช้ครีมกันแดด ในชีวิตประจำวันเป็นประจำอีกด้วย

.... -*- วิธีการดูแลผิวหน้าจ้า -*- ....

วิธีง่ายๆ ...ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด ยังไม่ต้องชโลมด้วยครีมบำรุงใดๆทั้งสิ้น ปล่อยให้หน้าแห้งสัก 1 ชั่วโมง แล้วลองส่อง กระจกแบบขยายสุดๆ ทำในที่สว่างๆกันสักหน่อย สำรวจใบหน้า ในช่วงกลางวันล่ะเป็นดีที่สุด 1. คุณมีผิวแห้ง ถ้าสังเกตเห็นว่าหน้าคุณแห้ง แตกเป็นขุย และปรากฏริ้วรอยบนโหนกแก้ม 2. คุณมีผิวมัน ถ้าต่อมของไขมันใหญ่กว่าชาวบ้านเขา และ ยังขยันผลิตน้ำมันออกมาให้หน้าคุณดูมันเยิ้มไปทั่วใบหน้า 3. คุณมีผิวผสม ถ้าปรากฏความมันเฉพาะบริเวณทีโซน คือบริเวณจมูก คางและหน้าผาก ในขณะที่บริเวณแก้ม อาจจะดูแห้งได้ วิธีดูแลผิวสำหรับผิวแต่ละแบบ 1. สาวผิวมัน เป็นความเข้าใจผิด ถ้าคิดว่าต้องล้างหน้ากันบ่อยๆเพราะการล้างหน้ายิ่งบ่อย ก็จะไปกระตุ้มการทำงานของต่อมไขมันมากขึ้น หมอผิวหนังส่วนใหญ่จะแนะนำให้ล้างหน้าวันละแค่ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสาร MAP ที่ช่วยลดความมัน ส่วนเกินแต่ไม่ทำลายน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติแต่ถ้าอยากจะประหยัดสตางค์ ลองสูตรนี้กันดูค่ะนำเปลือกแตงโม มาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆนำไปปั่น กรองเอาแต่น้ำ นำมาล้างหน้า ทิ้งไว้สัก15 นาที จึงค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่า จะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อย่างดีทีเดียว หรือจะใช้สัปปะรดก็ได้นำเนื้อสัปปะรดเปรี้ยวๆสัก 1 เสี้ยว มาสับให้ละเอียด ถ้าคิดจะทุ่นแรงด้วยเครื่องปั่นก็ไม่ต้องปั่นให้ละเอียดนัก นำมาพอกหน้าแล้วทิ้งไว้สัก 10 นาที ช่วยลดความมันของใบหน้าได้แล้วยัง ช่วยให้ผิวดูสดใสอีกด้วย หรือถ้าจะให้ง่ายกว่านี้ โยเกิร์ตที่คุณทานเหลือติดก้นถ้วย นำมาทำมาส์คพอกหน้าสำหรับสาวผิวมันได้อย่างดีเยี่ยม 2. สาวผิวแห้ง ควรเลือกสบู่หรือโฟมล้างหน้าที่ค่อนข้างอ่อน แต่ถ้ามีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ด้วย จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หรือจะเลือกใช้ของธรรมชาติมาบำรุงผิว ก็ไม่ยาก กล้วยสุกๆ นี่แหล่ะ เป็นผลไม้ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับสาวผิวแห้งได้เป็นอย่างดี วิธีเพิ่มความงามก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลย เพียงนำกล้วยสุกมายีด้วยส้อมให้เละๆเข้าไว้ แล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปสักเล็กน้อย แค่ก็พอเหลว นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้สัก20 นาทีแล้วจึงล้างออก เพียงแค่นี้ผิวก็จะสดใส มีน้ำมีนวลแล้วล่ะค่ะ 3. สาวผิวผสม ใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าที่ช่วยลดความมันส่วนเกินเฉพาะบริเวณทีโซน ส่วนบริเวณอื่น ที่ดูแห้งนั้น ใช้สบู่อ่อนๆ เพื่อรักษาน้ำหล่อเลี้ยงผิวไว้ ไม่ให้ผิวดูแห้งจนเกินไป ส่วนสูตรเพิ่มความงามตามธรรมชาติสำหรับผิวผสมนั้น แนะนำว่าให้ใช้แตงกวาบดละเอียด แล้วผสมกับนมสด ลูบไล้ให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้สักครู่แล้วจึงล้างออก ผิวหน้าจะนุ่มใสขึ้น ผิวจะสวยใส ชวนมองนอกจากจะประณีตกับการล้างหน้าและพิถีพิถันกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวกันแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารประเภทผักสดและผลไม้ ที่อุดมด้วยวิตามินสำหรับบำรุงผิวพรรณ นอนหลับให้เต็มอิ่มรวมทั้งการออกกำลังกายกันเป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใส มีน้ำมีนวลและแลดูอ่อนเยาว์ตลอดกาลค่ะ

วิธีการรักษาสุขภาพเท้า

- หลังจากเท้าต้องทำงานมาทั้งวัน การแช่เท้าในน้ำอุ่นหรือนวดฝ่าเท้าช่วยผ่อนคลาย ความตึงล้าของกล้ามเนื้อเล็กๆในเท้าได้ แต่ห้ามใช้ในผู้เป็นเบาหวานซึ่งมีผิวเท้าแห้งเพราะการแช่น้ำทำให้ผิวแห้งมากขึ้นและห้ามใช้ในผู้ที่มีเท้าชาเพราะทำให้ไม่รู้ตัวว่าน้ำนั้นร้อนเกินไปอาจทำให้เท้าพองได้ -ออกกำลังเพื่อบริหารข้อเท้าและกล้ามเนื้อเท้าอย่างสม่ำเสมอทุกวันเพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนเลือดมาสู่ปลายเท้า ท่าบริหารทำได้โดย 1. กระดกข้อเท้าขึ้นและลงสลับกันช้าๆ2. หมุนข้อเท้า โดยหมุนเข้าและหมุนออกช้าๆ 3. ใช้นิ้วเท้าจิกผ้าที่วางอยู่บนพื้นเพื่อบริหารกล้ามเนื้อเล็กๆในเท้า4. นั่ง ยกขาขึ้น เหยียดเข่าตึง แล้วกระดกข้อเท้าขึ้นค้างไว้นับ 1 – 6 ในใจถือเป็น 1 ครั้ง - หากการปวดเท้ามีการบวมร่วมด้วยและคลำดูเท้าแล้วอุ่น ๆ แสดงว่าเป็นอาการอักเสบ ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา